ความสำคัญทางจิตวิญญาณของสัญลักษณ์ศรียันตราอันศักดิ์สิทธิ์ Sri Yantra เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์โบราณเป็นที่เคารพนับถือในศาสนาฮินดู ครองใจผู้แสวงหาจิตวิญญาณและนักวิชาการมาอย่างยาวนาน การออกแบบที่ซับซ้อนและสัญลักษณ์ความหมายลึกซึ้งของศรียันตรา เป็นที่มาของความหลงใหลมาหลายศตวรรษ ในด้านช่วยเรื่องการทำสมาธิ การปฏิบัติธรรมฝึกฝนพลังจิตวิญญาณ และพลังของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ของศรียันตรา ต้นกำเนิดและสัญลักษณ์ของศรียันตรา สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรากฐานมาแต่โบราณ ศรียันตรา หรือเรียกอีกอย่างว่าศรีจักรา มีต้นกำเนิดในอินเดียเมื่อกว่า 12,000 ปีที่แล้ว ศรียันตราเป็นสัญลักษณ์สำคัญในศาสนาฮินดู โดยเฉพาะในการบูชาเทพธิดา Tripura Sundari ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังงานหญิงสูงสุดหรือศักติ ศรียันตราถือเป็นตัวแทนพลังงานจักรวาลที่เชื่อมโยงบุคคลกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การออกแบบอันซับซ้อนของศรียันตรา ศรียันต์ประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยมเก้ารูปที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งแผ่กระจายจากจุดศูนย์กลางหรือที่เรียกว่าพินทุ รูปสามเหลี่ยมสี่รูปนี้ชี้ขึ้นด้านบน ซึ่งแสดงถึงลักษณะความเป็นชายหรือพระศิวะ ในขณะที่อีกห้ารูปชี้ลงด้านล่าง ซึ่งแสดงถึงลักษณะความเป็นหญิงหรือพระศักติ เมื่อรวมกันแล้ว รูปสามเหลี่ยมเหล่านี้จะกลายเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก 43 รูป โดยแต่ละรูปมีความหมายเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับลักษณะต่างๆ ของการสร้างสรรค์และการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ ล้อมรอบรูปสามเหลี่ยมมีวงกลมและสี่เหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้นๆ เรียกว่าภูปุระ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน และเป็นตัวแทนของอาณาจักรทางโลก...

เกี่ยวกับเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์เป็นสาขาวิชาความรู้ที่นักวิทยาศาสตร์ และปรมาจารย์ผู้ลึกลับสนใจมานานหลายศตวรรษ ขึ้นอยู่กับความเชื่อที่ว่ารูปทรงเรขาคณิตและลวดลายบางอย่างมีความหมายอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งแสดงถึงแผนการแห่งการสร้างสรรค์ และความเป็นระเบียบของจักรวาล ภาษาลึกลับนี้ใช้เพื่อถ่ายทอดความหมายที่ซ่อนอยู่และเข้ารหัสคำสอนลึกลับ ซึ่งเป็นกุญแจสําคัญในการเข้าถึงวิทยาศาสตร์โบราณและอภิปรัชญา ภาพดอกไม้แห่งชีวิตบนอนุสรณ์สถานโบราณแห่งอารยธรรมต่างๆ ต้นกำเนิดของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์สามารถสืบย้อนไปถึงวัฒนธรรมโบราณ เช่น อียิปต์และเมโสโปเตเมีย ซึ่งใช้ในการก่อสร้างอาคารทางศาสนาและงานศิลปะ หนึ่งในตัวอย่างแรกสุดของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์สามารถพบได้ในพีระมิดแห่งกิซ่า ซึ่งมีกฎทางคณิตศาสตร์สากลมากมาย ดอกไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ ก็ปรากฏในพีระมิดเช่นกัน ซึ่งบ่งบอกว่าความสำคัญของมันได้รับการยอมรับมานานนับพันปี ภาพดอกไม้แห่งชีวิตสองคอลัมน์ใน Osireon ถูกค้นพบบนเสาสองต้นที่ Osireon ซึ่งเป็นวิหารโบราณใน Abydos ซึ่งอยู่ด้านหลังและใต้วิหาร Seti I ภาพดอกไม้แห่งชีวิตเหล่านี้ถูกแกะสลักไว้บนหินและทาสี นักวิชาการบางคนเชื่อว่าอาจมีอายุมากกว่า Osireon และมีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณของแอตแลนติส ดอกไม้แห่งชีวิตเป็นสัญลักษณ์ของความไม่มีที่สิ้นสุดของจักรวาล ซึ่งเกิดขึ้นจากความว่างเปล่าตามพระประสงค์ของผู้สร้าง เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวัฒนธรรมโบราณเท่านั้น ปัจจุบันยังคงใช้ในการปฏิบัติทางจิตวิญญาณและอภิปรัชญาต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การบำบัดด้วยพลังงาน และการสำแดง...

หากจ้องมองรูปทรงเรขาคณิตจะเกิดพลังดึงดูดจิตใจ และรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่อธิบายไม่ถูก นี่คือพลังของทอรัส ทอรัสรูปร่างคล้ายโดนัท เป็นรูปแบบเรขาคณิตที่น่าหลงใหลสำหรับนักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักปราชญ์ นักเล่นแร่แปรธาตุ และผู้แสวงหาความหมายทางจิตวิญญาณมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษ ความเป็นอมตะและความหมายของทอรัสในเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ Torus : พลังชีวิตแห่งเรขาคณิตอันศักดิ์สิทธิ์ ในจักรวาลของงเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ ทอรัสครองตําแหน่งสูงสุดในฐานะสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยง การไหลเวียนของพลังงานชั่วนิรันดร์ และความสมดุลทางพลังงานระหว่างโลกทางกายภาพและจิตวิญญาณ รูปทรงสัญญาลักษณ์ที่น่าดึงดูดใจนี้ เป็นตัวแทนของวัฏจักรแห่งการสร้างสรรค์และการทำลายล้าง การเกิดและการตาย และแก่นแท้ของการดำรงอยู่ ทอรัสเป็นเหมือนท่อร้อยสายจักรวาล ที่ส่งพลังงานจากแกนกลางแผ่ออกไปด้านนอก ก่อนจะถูกดูดกลับสู่แหล่งกำเนิด กระแสพลังงานที่ไหลอย่างไม่สิ้นสุดนี้ก่อตัวเป็นโครงสร้างของจักรวาล ถักทอเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าด้วยกัน และเป็นรากฐานของจิตสำนึกทั้งหมด ทอรัสในประเพณีทางจิตวิญญาณ ทอรัสได้ทิ้งร่องรอยที่ไม่เคยสลายไว้ในประเพณีทางจิตวิญญาณต่างๆ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการบรรจบกันของจักรวาลขนาดเล็กและจักรวาลขนาดใหญ่ ระหว่างปัจเจกบุคคลและพระเจ้า รัศมีออร่าของมนุษย์ไปจนถึงจักระและเมอร์คาบาอันลึกลับ ทอรัสได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการทำงานด้านพลังงาน และการทำสมาธิ กลุ่มทอรัสทั้งสาม กลุ่มทอรัสมีความหลากหลาย แต่ละรูปแบบจะมีลักษณะและสัญลักษณ์เฉพาะของตัวเอง 1.ฮอร์นทอรัส : คล้ายโดนัทที่ถูกบีบอัดเบาๆ...

นี่เป็นภาพประกอบจากการเล่นแร่แปรธาตุในศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีโลหะเจ็ดชนิดที่คนโบราณรู้จัก แสดงอยู่ในรูปเชิงเปรียบเทียบ โลหะแต่ละชนิดมีความเกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์ทั้งเจ็ด แถวแรกมีโลหะมีตระกูล 3 ชิ้น ได้แก่ ดวงจันทร์ (เงิน) ดวงอาทิตย์ (ทอง) และดาวศุกร์ (ทองแดง) ด้านหลังมีอีก 4 ชิ้น ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี (ดีบุก) ดาวอังคาร (เหล็ก) ดาวเสาร์ (ตะกั่ว) และดาวพุธ (ปรอท) เหตุใดหนังสือเล่นแร่แปรธาตุจึงเน้นสามในเจ็ดคนแรก ทองคำและเงิน ได้รับการพิจารณาว่ามีคุณค่าเป็นพิเศษมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว เนื่องจากเป็นสิ่งที่หายาก มีความแวววาวสวยงาม มีความอ่อนตัว และความต้านทานต่อการกัดกร่อน ทองแดงด้อยกว่าในด้านไม่ส่องแสงแวววาวและออกซิไดซ์ได้ง่าย แต่ก็มีคุณภาพสูงในการนำมาใช้งาน (แม้ว่าในสมัยโบราณจะไม่ได้ใช้ทองแดงบริสุทธิ์บ่อยนัก แต่จะใช้โลหะผสมที่มีความทนทานมากกว่า บรอนซ์ทองแดงผสมดีบุกและโลหะอื่น ๆ...

การป้องกันแรงสั่นสะเทือนภายนอก “บ้านของชาห์ในป่าเซนต์จอห์น มีห้องหนึ่งที่ชั้นบนสุดปูด้วยแผ่นทองแดง มีจุดประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่ป้องกันจากแรงสั่นสะเทือนภายนอก ทองคำเหมาะที่สุดสำหรับจุดประสงค์นี้ แต่มันแพงเกินไป แผ่นทองแดงยังถูกวางซ้อนกันอยู่ในห้องใต้ดินอีกด้วย” :: ลูกศิษย์ของ Idris Shah หนึ่งในอาจารย์ซูฟีผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ผ่านมา ได้เขียนบันทึกความทรงจำเอาไว้ การเก็บเอกสารถาวรสมัยใหม่จะถูกเก็บในห้องที่บุด้วยแผ่นทองแดง เพื่อการจัดเก็บข้อมูลบนดิสก์แม่เหล็ก ในบรรดาโลหะทั้งหมด (ยกเว้นทอง) ทองแดงจะป้องกันห้องจากผลกระทบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการแผ่รังสีใดๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งทำหน้าที่เป็นสิ่งที่เรียกว่า“กรงฟาราเดย์” เป็นห้องที่ทำจากวัสดุนำไฟฟ้า หลักการทำงานของ “กรงฟาราเดย์” ช่วงที่พระเจ้าชาห์ประทับอยู่ที่เซนต์จอห์นวูด ยุคของดิสก์แม่เหล็กยังมาไม่ถึง ยังไม่มีปัญหากับรังสีในสหราชอาณาจักร ห้องทองแดงถูกสร้างเป็น “กรงฟาราเดย์” ส่วนตัว เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตที่เป็นอันตราย แต่สำหรับการสั่นสะเทือนอื่นๆ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ในช่วงทศวรรษที่ 20 ของศตวรรษที่ผ่านมา Leonid Vasiliev ศาสตราจารย์สถาบันสมอง พยายามพิสูจน์สมมติฐานทางแม่เหล็กไฟฟ้าเกี่ยวกับธรรมชาติของกระแสจิต และค้นหาความถี่ที่เป็นไปได้ในการถ่านทอดความคิดส่งออกไปในระยะไกล...

พลังที่มองไม่เห็นถูกปลดปล่อยออกมาและดูดซับโดยวัตถุทั้งหมดในจักรวาลที่ปรากฏ และวิธีที่วัตถุต่างๆ ของประเพณีถูกใช้ควบคุม สะสม ทำซ้ำ และควบคุมพลังนี้ ชี่ พลังชีวิตสากลประเพณีจีนโบราณ แนวคิดเกี่ยวกับพลังงานชีวิตที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งที่เรียกว่า”ชี่” เป็นพื้นฐานของปรัชญา การแพทย์ การเล่นแร่แปรธาตุของลัทธิเต๋า ภูมิศาสตร์ (ฮวงจุ้ย) และคำสอนจีนโบราณอื่นๆ อักขระ “Qi” เดิมหมายถึง “ไอน้ำ” หรือ “การเล็ดลอดออกมา” บ่อยครั้งที่ Qi ถูกแปล เป็นภาษายุโรปโดยคำภาษากรีก “pneuma” ซึ่งหมายถึงสารสากล และใกล้เคียงกับแนวคิดของ “อีเธอร์” ของพีทาโกรัสและเพลโต เชื่อกันว่าผู้คน สัตว์ และวัตถุธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมด ดูดซับ จัดเก็บ และปล่อยชี่ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นพลังงานนี้ แต่มันก็เป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์...

การบิดกระดูกสันหลังช่วยรักษาความยืดหยุ่น รักษาความคล่องตัวทั้งสองทิศทาง กระดูกสันหลังแต่ละข้างหมุนได้ทั้งสองทิศทาง – เอ็นที่ติดอยู่กับกระดูกสันหลังจะได้รับการเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงได้รับเลือดอย่างมากมาย– การยืดเหยียดด้านข้างนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดเอวและโรคไขข้ออักเสบในกล้ามเนื้อหลังและสะโพก การยึดเกาะของข้อต่อที่เกิดจากโรคไขข้อจะหมดไป– น้ำไขข้อในข้อต่อเพิ่มขึ้น และข้อต่อมีความคล่องตัวมากขึ้น– รากประสาทของกระดูกสันหลังและระบบประสาทซิมพาเทติกกระชับขึ้น ให้ประโยชน์ดังนี้ : * อัตราการเต้นของหัวใจ ความแข็งแรง และแรงดันเลือดเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น* กระตุ้นการปล่อยกลูโคสออกจากตับ* เปิดใช้งานต่อมเหงื่อ ให้ผลการทำความสะอาดร่างกาย* มีเอฟเฟกต์เหมือนแอโรบิก การหายใจจะเร็วขึ้น* เป็นการนวดกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไส้ใหญ่จะถูกกระตุ้น ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย และปัญหาทางเดินอาหารอื่นๆ ขจัดสารพิษในระบบย่อยอาหาร* การบิดกระดูกสันเพิ่มความอยากอาหาร และเพิ่มพลังงานในการย่อยอาหารโดยเพิ่มการหลั่งน้ำย่อย* มีผลดีต่อถุงน้ำดี ม้าม ไต ตับ และลำไส้ Crystal Abalone Shell ::...

มนุษย์ไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากไม่มีน้ำ ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำสามในสี่ ปริมาณน้ำในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กระดูก – 20-30%; ตับ – มากถึง 69%; กล้ามเนื้อ – มากถึง 70%; สมอง – มากถึง 75%; ไต – มากถึง 82%; เลือด – มากถึง 85% ประโยชน์ของน้ำต่อร่างกาย – ให้ออกซิเจนแก่การหายใจ – ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย – ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร – ปกป้องอวัยวะสำคัญ – หล่อลื่นข้อต่อ –...

โลกประกอบด้วยน้ำประมาณ 70% และร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำประมาณ 70% นอกจากนี้ สมองของมนุษย์ยังประกอบด้วยน้ำประมาณ 70% ด้วย น้ำบนโลกมีไม่ถึง 1% ที่สามารถนำมาใช้เป็นน้ำดื่มได้ ทุกหยดมีค่า ดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ! น้ำจะทำหน้าที่ประสานกับความถี่หรือการสั่นสะเทือนสะท้อนกับคำพูด ความคิด อารมณ์ และความตั้งใจในบริเวณใกล้เคียง การสั่นพ้องที่ดีของพลังงานสามารถช่วยให้ร่างกายกลับมาสมดุลหรือมีสุขภาพดีอีกครั้ง น้ำสามารถบันทึกข้อมูลได้ เช่นเดียวกับเครื่องบันทึกเทปหรือหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ โรคเกือบครึ่งหนึ่งในโลกกำลังพัฒนาเกิดจากคุณภาพน้ำที่ไม่ดี โรคประมาณร้อยละ 10 ทั่วโลกสามารถกำจัดได้ด้วยการดื่มน้ำ สุขาภิบาล สุขอนามัย และการจัดการทรัพยากรน้ำที่เหมาะสม พลังแห่งน้ำ น้ำทำหน้าที่เก็บความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลของเราประกอบด้วยการแสดงออกของพลังงานในความถี่หรือการสั่นสะเทือนที่แตกต่างกัน คำพูด เพลง เสียงสวดมนต์ คำอวยพร พลังอธิษฐาน ความคิด ความตั้งใจ ล้วนสร้างลายเซ็นต์ประทับบนสเปกตรัมที่สามารถวัดได้ น้ำมีความสามารถที่มหัศจรรย์ในการเก็บหรือ “จดจำ”...

ออร์กอนและออร์โกไนท์คืออะไร?ออร์กอนคือพลังงานสากลที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่มีขอบเขตจำกัด คนโบราณเรียกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภาษา ปราณา ชี่ มานา  พลังงานไบโอพลาสมิก หรือพลังชีวิต ออร์กอนมีหลายชื่อเรียกตามอารยธรรมที่ค้นพบ แต่เป็นพลังงานเดียวกันทั้งหมด ออร์โกไนท์เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตพลังงาน “ออร์กอน” เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน มันเหมือนแสงกับไฟ แสงให้ความสว่างที่มีความร้อน ไฟให้ความร้อนที่มีแสง ออร์โกไนท์เป็นสารประกอบผสมระหว่างโลหะ คริสตัล และเรซิน ธาตุทั้งสามมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน โลหะเป็นตัวขับเคลื่อนของออร์โกไนท์ เปลี่ยนพลังงานเชิงลบที่เรียกว่า DOR สำหรับออร์กอนที่ร้ายแรงให้เป็นพลังงานเชิงบวก เรียกว่า POR สำหรับออร์กอนเชิงบวก โดยทั่วไปโลหะมีแนวโน้มที่จะแตกตัวเป็นไอออนในสภาพแวดล้อม และเราใช้ความสามารถนี้ของออโกไนท์ในการสร้างพลังงานเชิงบวก คริสตัลจะทําหน้าที่เป็นบูสเตอร์และแอมพลิฟายเออร์สําหรับพลังงานบวก และเมื่อพลังงานเคลื่อนผ่านคริสตัล มันจะใช้คุณสมบัติของคริสตัลด้วย เช่น คริสตัลข้างในที่มีคุณสมบัติให้พลังความสงบและผ่อนคลาย ดังนั้น Orgonite จะสร้างพลังงานที่สงบและผ่อนคลายแผ่ออกมาด้วย เรซินจะทําหน้าที่จับรวมผูกมัดอุปกรณ์ไว้ทั้งหมดเมื่อเรซินแข็งตัว เรซินเมื่อผ่านความร้อนก็จะแข็งตัวเมื่อเย็นลง ในระหว่างกระบวนการนี้ เรซินจะถูกบดอัดด้วยตัวเอง...