การใช้พลังโทนเสียงของตัวเอง เพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีและช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีที่สุดทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นเทคนิคการบำบัดด้วยเสียงที่ทรงพลังซึ่งใช้ได้กับทุกคน แม้พูดได้ไม่คล่อง แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงสามารถสร้างการสั่นสะเทือนหรือเสียงฮัมได้ดี และให้ผลดีมหาศาลเมื่อทำด้วยความตั้งใจ การโทนเสียงสร้างการสั่นสะเทือนที่ทำหน้าที่เป็นการนวดบำบัดทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยบรรเทาความเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำให้จดจ่อกับความคิด และปลดปล่อยความรู้สึกเชิงลบ การบำบัดด้วยเสียงรูปแบบอื่นๆ ที่ใช้พลังของเสียงมนุษย์ ได้แก่ การสวดมนต์ การร้องเพลง และการเปลี่ยนโทนเสียงหรือเสียงประสานภายในโครงสร้างจังหวะ การบำบัดด้วยเสียงเหล่านี้มีประโยชน์ในแบบของตัวเอง แต่ความแตกต่างระหว่างการบำบัดด้วยเสียงและการโทนเสียงก็คือ ในการโทนเสียงนั้น คุณจะใช้โทนเสียงคงที่หนึ่งครั้งต่อการหายใจออก เหตุผลที่ต้องรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโทนเสียงกับจักระเข้าด้วยกันก็เพราะ ทั้งสองสิ่งนี้มีความสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด การปรับโทนเสียงสามารถชำระล้างและทำความสะอาดศูนย์พลังงานสำคัญที่เรียกว่าจักระได้ ความเชื่อมโยงระหว่างเสียงบำบัดกับทฤษฎีห้าธาตุศาสตร์บำบัดของจีน ทฤษฎีและรูปแบบการบำบัดเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกันมาก การผสมผสานในการทำงานร่วมกับทฤษฎีการบำบัดเหล่านี้ สนับสนุนดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีและมีประโยชน์ รูปแบบการบำบัดเหล่านี้เป็นผลผลิตจากการสังเกตของมนุษย์เป็นเวลาหลายพันปี ความเข้าใจว่าการสั่นสะเทือนของความถี่เสียงส่งผลต่อร่างกายของเราอย่างไร ต้องดูว่าพลังงานเคลื่อนที่รอบตัวเราอย่างไร และอยู่ที่ใด เมื่อเทียบกับร่างกายของเรา พลังงานนี้เป็นที่รู้จักในชื่อต่างๆ ขึ้นอยู่กับสาขาที่ศึกษาวิจัย แต่โดยพื้นฐานแล้ว พลังงานนี้เหมือนกันต่างแค่ชื่อเรียก เช่น ชี่ ปราณา...

ไบโอฟิลด์ของมนุษย์ประกอบด้วยพลังงานและข้อมูลที่ล้อมรอบ และแทรกซึมเข้าไปในร่างกายมนุษย์ คลื่นพลังงานบางส่วน เช่นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ก่อตัวเป็น “พื้นที่ร่างกาย” สามารถวัดได้ด้วยวิทยาศาสตร์ พลังงานที่ละเอียดอ่อนกว่าที่ล้อมรอบและไหลผ่านร่างกาย ไม่สามารถวัดได้ในทันที มีสิ่งอื่นๆ ในร่างกายเรามากกว่าที่ตาเห็น วัฒนธรรมการรักษาโบราณของตะวันออกได้ทำแผนที่และศึกษาเรื่องนี้มาหลายพันปี นักปรัชญาและผู้ทำสมาธิชาวจีนโบราณเรียกพลังงานนี้ว่า ชี่ ในขณะที่ประเพณีพระเวทโบราณของอินเดียเรียกมันว่า ปราณา คำว่า “จักระ” เป็นที่รู้จักและใช้กันในตะวันตก และกระแสพลังงานหลักทั้งเจ็ดของจักระของเราสอดคล้องกับกลุ่มเส้นประสาท หรือกลุ่มประสาทขนาดใหญ่ภายในร่างกาย พลังงานละเอียดอ่อนที่ล้อมรอบร่างกายของเราไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา ละเอียดและกระจายตัวมากกว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เราคุ้นเคย และยังทำงานภายใต้กฎที่แตกต่างกันเล็กน้อยด้วย บางคนไม่เชื่อในสนามพลังงานนี้ แต่ยังไม่มีใครสักคนเลยที่ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังงานนี้ และจะรับรู้พลังงานคมชัดขึ้นเมื่อได้ฝึกไทชิ และชี่กง ตำราเวชศาสตร์แผนจีน แนวทางปฏิบัติปรับจูนไบโอฟิลด์หรือสนามพลังชีวภาพ สนามพลังงานจะถูกมองว่าเป็นทอรอยด์หรือรูปร่างวงแหวนคล้ายโดนัท เหมือนคลื่นเสียงและพลังงานที่ล้อมรอบร่างกายของเรา ลองนึกภาพสนามพลังงานนี้เป็นฟองอากาศที่โอบล้อมร่างกายของเรา ในระยะห่างประมาณ 5-6 ฟุตที่ด้านข้าง และสูงจากศีรษะและใต้เท้า 2-3 ฟุต นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบสนามพลังงานนี้กับขอบเขตการป้องกันที่ก่อตัวเป็นชั้นบรรยากาศด้านบนของโลกของเราได้ด้วย ภายใน...

ในตำราแพทย์แผนจีน ธาตุทั้ง 5 มีความสำคัญทั้งในการประเมินสุขภาพโดยรวม และการแก้ไขความไม่สมดุลของธาตุต่างๆ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น การรักษาด้วยธาตุทั้ง 5 มีหลายระดับ การนำทฤษฎีธาตุทั้ง 5 มาใช้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับวิธีการรักษาต่างๆ เช่น การฝังเข็ม การกดจุด และชี่กงทางการแพทย์ วงจรธาตุทั้ง 5 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินและการรักษาอีกด้วย วงจรการสร้างทำงานบนสมมติฐานเบื้องต้นที่ว่าธาตุแต่ละอย่างมีส่วนในการสร้างธาตุอื่นภายในระบบ ในขณะที่วงจรควบคุมจะเน้นที่วิธีที่ธาตุหนึ่งสามารถลดส่วนเกินของธาตุอื่นได้ แนวคิดแบบตะวันตกที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นแนวคิดในศตวรรษที่ 16 เกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นร่างกายและอารมณ์ แม้ว่าทฤษฎีและการปฏิบัติของแพทย์แผนจีนจะซับซ้อนกว่า (มีประสิทธิผลมากกว่า) ธาตุทั้งห้า ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ แต่ละธาตุมี “ความสัมพันธ์” กันทั้งกับร่างกายมนุษย์และธรรมชาติ ทฤษฎีห้าธาตุ บูรณาการเข้ากับทฤษฎีหยิน/หยางในการแพทย์แผนจีน ทฤษฎีเหล่านี้เมื่อนำมารวมกันจะช่วยให้เข้าใจการทำงานของร่างกายได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น...

วงแหวนเป็นรูปคล้ายโดนัท ด้านข้างจะพองออกและตรงกลางจะเว้าลงเป็นรู รูปร่างนี้เกิดขึ้นในธรรมชาติทั้งหมด โลกเองเป็นวงแหวนในธรรมชาติ พบได้ทั่วไปในผลไม้ เมล็ด ถั่ว ใบไม้ ตา และสิ่งที่แสดงถึงการเจริญเติบโต เปลี่ยนแปลง งอกงามอื่นๆ ในธรรมชาติ การหายใจโดยเน้นหัวใจเป็นศูนย์กลาง – สนามทอรัส การหายใจแบบวงแหวน การใช้ภาพจักระหัวใจเป็นแผ่นดิสก์หรือดอกไม้ที่เปิดและปิดเมื่อหายใจเข้าและออก จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวล ความเศร้าโศก ความเสียใจ และความเจ็บปวดทางอารมณ์อื่นๆ ได้ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นให้เรายอมให้ความรักเข้ามาในชีวิตมากขึ้น และทำให้เราสามารถมอบความรักให้กับโลกและผู้คนรอบข้างได้มากขึ้น การฝึกหายใจแบบ Toroidal ส่งผลดีต่อร่างกายและอารมณ์มากมาย การหายใจเพื่อชำระล้างช่วยให้ระบบทั้งหมดสงบลง นำออกซิเจนเข้ามาได้มากขึ้น และทำให้จิตใจปลอดโปร่ง การหายใจจะเปิดหน้าอกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ยกซี่โครงขึ้น และขยายปอด การนำเลือดที่มีออกซิเจนเข้ามาสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทั้งหมดมากขึ้นจะช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ดวงตาสดใสขึ้น และร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา จังหวะการหายใจที่นุ่มนวล...

คุณสมบัติการบำบัดของน้ำ และวิธีปลดล็อคศักยภาพของน้ำเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ความทุกข์ยากเป็นประตูสู่การค้นพบอันน่าทึ่ง การปฏิวัติอิหร่านในปี 1979 นายแพทย์ Fereydoon Batmanghelidj ถูกจับเป็นนักโทษการเมืองนานกว่าสองปี เช่นเดียวกับที่มักเกิดขึ้น เย็นวันหนึ่ง แพทย์ถูกเรียกตัวให้ไปช่วยเหลือเพื่อนนักโทษที่กำลังรู้สึกเจ็บปวดจากแผลในกระเพาะอาหาร เนื่องจากไม่มียารักษาใดๆ Dr. Batmanghelidj จึงให้ชายคนนั้นดื่มน้ำสองแก้ว ทุกคนต่างประหลาดใจ และภายในไม่กี่นาที ความเจ็บปวดของชายคนนี้ก็บรรเทาลงอย่างสมบูรณ์ ด้วยการดื่มน้ำมากขึ้น ชายคนนี้จึงไม่มีอาการปวดอีกเลย ตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่ต้องโทษจำคุก ด้วยเวลาที่เหลือเฟือในคุก และต้องดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก ดร. บัตมันเกลิจ จึงทำการวิจัยเกี่ยวกับผลทางยาของน้ำในการป้องกันและบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากความเครียด ด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แค่..น้ำเท่านั้น เขาก็สามารถรักษาเพื่อนนักโทษที่ป่วยเป็นแผลในกระเพาะ และอาการเสื่อมอื่นๆ ได้ เมื่อถึงเวลาพิจารณาคดีและตัดสินประหารชีวิต Dr. Batmanghelidj ได้นําเสนอเอกสารที่เขาเขียนเกี่ยวกับน้ำเพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหารแก่ผู้พิพากษา สิ่งนี้ทำให้เขารอดชีวิต เพื่อที่จะทำการวิจัยต่อไป ผลงานดั้งเดิมของเขาได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร...

หนึ่งในคำถามที่ลึกซึ้งที่สุดที่มนุษย์มีต่อธรรมชาติ คือ เอกภพถูกสร้างขึ้นจากอะไร? ย้อนกลับไปในยุคกรีกโบราณ อันเป็นช่วงเวลาที่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนยังไม่เกิดขึ้น นักคิดจำนวนมากเชื่อว่าสิ่งพื้นฐานที่สุดของเอกภพ คือ ธาตุทั้งสี่ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ  โดยรายละเอียดและคุณสมบัติของธาตุเหล่านี้แตกต่างไปตามสำนัก อีกทั้งยังมีการปรับแต่งเพิ่มเติมธาตุพื้นฐานอื่นๆให้เข้ากับแนวคิดของสำนักด้วย นักคิดผู้ยิ่งใหญ่อย่างอาริสโตเติล มีการเพิ่มธาตุอีเธอร์ (Aether) ซึ่งเป็นธาตุแห่งสวรรค์เข้าไปเป็นธาตุที่ห้า ส่วนความเชื่อเก่าแก่ของฮินดูมีการเพิ่มธาตุสุญญะ (śūnya) ซึ่งเป็นธาตุแห่งความว่างเปล่าเข้าไป อีกหนึ่งแนวคิดที่พยายามอธิบายธาตุพื้นฐานของเอกภพวางอยู่บนรูปทรงเรขาคณิตที่เรียกว่า ทรงตันเพลโต (Platonic solid)  ที่สร้างขึ้นจากแผ่นเรขาคณิตสองมิติ โดยรูปร่างสองมิติต้องมีคุณสมบัติดังนี้ – แต่ละแผ่นต้องมีความยาวด้านและมุมเท่ากัน และมีลักษณะเหมือนกัน – เมื่อนำมาประกอบเป็นทรงตัน แต่ละแผ่นจะชนกันที่ขอบ โดยไม่มีการเหลื่อมกัน – แต่ละมุมของทรงตัน จะมีจำนวนแผ่นมาชนกันตรงมุมเท่ากันทุกมุม นักคณิตศาสตร์พบว่ารูปทรงที่ตรงตามเงื่อนไขเหล่านี้มีเพียง 5...

ความสำคัญทางจิตวิญญาณของสัญลักษณ์ศรียันตราอันศักดิ์สิทธิ์ Sri Yantra เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์โบราณเป็นที่เคารพนับถือในศาสนาฮินดู ครองใจผู้แสวงหาจิตวิญญาณและนักวิชาการมาอย่างยาวนาน การออกแบบที่ซับซ้อนและสัญลักษณ์ความหมายลึกซึ้งของศรียันตรา เป็นที่มาของความหลงใหลมาหลายศตวรรษ ในด้านช่วยเรื่องการทำสมาธิ การปฏิบัติธรรมฝึกฝนพลังจิตวิญญาณ และพลังของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ของศรียันตรา ต้นกำเนิดและสัญลักษณ์ของศรียันตรา สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรากฐานมาแต่โบราณ ศรียันตรา หรือเรียกอีกอย่างว่าศรีจักรา มีต้นกำเนิดในอินเดียเมื่อกว่า 12,000 ปีที่แล้ว ศรียันตราเป็นสัญลักษณ์สำคัญในศาสนาฮินดู โดยเฉพาะในการบูชาเทพธิดา Tripura Sundari ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังงานหญิงสูงสุดหรือศักติ ศรียันตราถือเป็นตัวแทนพลังงานจักรวาลที่เชื่อมโยงบุคคลกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การออกแบบอันซับซ้อนของศรียันตรา ศรียันต์ประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยมเก้ารูปที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งแผ่กระจายจากจุดศูนย์กลางหรือที่เรียกว่าพินทุ รูปสามเหลี่ยมสี่รูปนี้ชี้ขึ้นด้านบน ซึ่งแสดงถึงลักษณะความเป็นชายหรือพระศิวะ ในขณะที่อีกห้ารูปชี้ลงด้านล่าง ซึ่งแสดงถึงลักษณะความเป็นหญิงหรือพระศักติ เมื่อรวมกันแล้ว รูปสามเหลี่ยมเหล่านี้จะกลายเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก 43 รูป โดยแต่ละรูปมีความหมายเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับลักษณะต่างๆ ของการสร้างสรรค์และการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ ล้อมรอบรูปสามเหลี่ยมมีวงกลมและสี่เหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้นๆ เรียกว่าภูปุระ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน และเป็นตัวแทนของอาณาจักรทางโลก...

เกี่ยวกับเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์เป็นสาขาวิชาความรู้ที่นักวิทยาศาสตร์ และปรมาจารย์ผู้ลึกลับสนใจมานานหลายศตวรรษ ขึ้นอยู่กับความเชื่อที่ว่ารูปทรงเรขาคณิตและลวดลายบางอย่างมีความหมายอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งแสดงถึงแผนการแห่งการสร้างสรรค์ และความเป็นระเบียบของจักรวาล ภาษาลึกลับนี้ใช้เพื่อถ่ายทอดความหมายที่ซ่อนอยู่และเข้ารหัสคำสอนลึกลับ ซึ่งเป็นกุญแจสําคัญในการเข้าถึงวิทยาศาสตร์โบราณและอภิปรัชญา ภาพดอกไม้แห่งชีวิตบนอนุสรณ์สถานโบราณแห่งอารยธรรมต่างๆ ต้นกำเนิดของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์สามารถสืบย้อนไปถึงวัฒนธรรมโบราณ เช่น อียิปต์และเมโสโปเตเมีย ซึ่งใช้ในการก่อสร้างอาคารทางศาสนาและงานศิลปะ หนึ่งในตัวอย่างแรกสุดของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์สามารถพบได้ในพีระมิดแห่งกิซ่า ซึ่งมีกฎทางคณิตศาสตร์สากลมากมาย ดอกไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ ก็ปรากฏในพีระมิดเช่นกัน ซึ่งบ่งบอกว่าความสำคัญของมันได้รับการยอมรับมานานนับพันปี ภาพดอกไม้แห่งชีวิตสองคอลัมน์ใน Osireon ถูกค้นพบบนเสาสองต้นที่ Osireon ซึ่งเป็นวิหารโบราณใน Abydos ซึ่งอยู่ด้านหลังและใต้วิหาร Seti I ภาพดอกไม้แห่งชีวิตเหล่านี้ถูกแกะสลักไว้บนหินและทาสี นักวิชาการบางคนเชื่อว่าอาจมีอายุมากกว่า Osireon และมีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณของแอตแลนติส ดอกไม้แห่งชีวิตเป็นสัญลักษณ์ของความไม่มีที่สิ้นสุดของจักรวาล ซึ่งเกิดขึ้นจากความว่างเปล่าตามพระประสงค์ของผู้สร้าง เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวัฒนธรรมโบราณเท่านั้น ปัจจุบันยังคงใช้ในการปฏิบัติทางจิตวิญญาณและอภิปรัชญาต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การบำบัดด้วยพลังงาน และการสำแดง...

หากจ้องมองรูปทรงเรขาคณิตจะเกิดพลังดึงดูดจิตใจ และรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่อธิบายไม่ถูก นี่คือพลังของทอรัส ทอรัสรูปร่างคล้ายโดนัท เป็นรูปแบบเรขาคณิตที่น่าหลงใหลสำหรับนักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักปราชญ์ นักเล่นแร่แปรธาตุ และผู้แสวงหาความหมายทางจิตวิญญาณมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษ ความเป็นอมตะและความหมายของทอรัสในเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ Torus : พลังชีวิตแห่งเรขาคณิตอันศักดิ์สิทธิ์ ในจักรวาลของงเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ ทอรัสครองตําแหน่งสูงสุดในฐานะสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยง การไหลเวียนของพลังงานชั่วนิรันดร์ และความสมดุลทางพลังงานระหว่างโลกทางกายภาพและจิตวิญญาณ รูปทรงสัญญาลักษณ์ที่น่าดึงดูดใจนี้ เป็นตัวแทนของวัฏจักรแห่งการสร้างสรรค์และการทำลายล้าง การเกิดและการตาย และแก่นแท้ของการดำรงอยู่ ทอรัสเป็นเหมือนท่อร้อยสายจักรวาล ที่ส่งพลังงานจากแกนกลางแผ่ออกไปด้านนอก ก่อนจะถูกดูดกลับสู่แหล่งกำเนิด กระแสพลังงานที่ไหลอย่างไม่สิ้นสุดนี้ก่อตัวเป็นโครงสร้างของจักรวาล ถักทอเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าด้วยกัน และเป็นรากฐานของจิตสำนึกทั้งหมด ทอรัสในประเพณีทางจิตวิญญาณ ทอรัสได้ทิ้งร่องรอยที่ไม่เคยสลายไว้ในประเพณีทางจิตวิญญาณต่างๆ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการบรรจบกันของจักรวาลขนาดเล็กและจักรวาลขนาดใหญ่ ระหว่างปัจเจกบุคคลและพระเจ้า รัศมีออร่าของมนุษย์ไปจนถึงจักระและเมอร์คาบาอันลึกลับ ทอรัสได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการทำงานด้านพลังงาน และการทำสมาธิ กลุ่มทอรัสทั้งสาม กลุ่มทอรัสมีความหลากหลาย แต่ละรูปแบบจะมีลักษณะและสัญลักษณ์เฉพาะของตัวเอง 1.ฮอร์นทอรัส : คล้ายโดนัทที่ถูกบีบอัดเบาๆ...

นี่เป็นภาพประกอบจากการเล่นแร่แปรธาตุในศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีโลหะเจ็ดชนิดที่คนโบราณรู้จัก แสดงอยู่ในรูปเชิงเปรียบเทียบ โลหะแต่ละชนิดมีความเกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์ทั้งเจ็ด แถวแรกมีโลหะมีตระกูล 3 ชิ้น ได้แก่ ดวงจันทร์ (เงิน) ดวงอาทิตย์ (ทอง) และดาวศุกร์ (ทองแดง) ด้านหลังมีอีก 4 ชิ้น ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี (ดีบุก) ดาวอังคาร (เหล็ก) ดาวเสาร์ (ตะกั่ว) และดาวพุธ (ปรอท) เหตุใดหนังสือเล่นแร่แปรธาตุจึงเน้นสามในเจ็ดคนแรก ทองคำและเงิน ได้รับการพิจารณาว่ามีคุณค่าเป็นพิเศษมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว เนื่องจากเป็นสิ่งที่หายาก มีความแวววาวสวยงาม มีความอ่อนตัว และความต้านทานต่อการกัดกร่อน ทองแดงด้อยกว่าในด้านไม่ส่องแสงแวววาวและออกซิไดซ์ได้ง่าย แต่ก็มีคุณภาพสูงในการนำมาใช้งาน (แม้ว่าในสมัยโบราณจะไม่ได้ใช้ทองแดงบริสุทธิ์บ่อยนัก แต่จะใช้โลหะผสมที่มีความทนทานมากกว่า บรอนซ์ทองแดงผสมดีบุกและโลหะอื่น ๆ...